วันที่ 17 มี.ค. 63 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่รัฐบาลประเทศมาเลเซียได้ออกประกาศด่วนในสถานีโทรทัศน์ของประเทศมาเลเซีย ถึงมาตรการณ์การควบคุมโรค COVID-19 โดย นายมูห์ยิดดิน ยัสซิน นายกรัฐมนตรีของมาเลเซีย แถลงข่าว ประกาศปิดประเทศมาเลเซีย ปิดพรมแดนสำหรับนักเดินทาง เป็นเวลา 14 วัน นับตั้งแต่วันที่ 18-31 มี.ค. 63 เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19
นอกจากนี้ยังมีคำสั่ง ห้ามจัดกิจกรรมทางศาสนา กิจกรรมการกีฬา วัฒนธรรมและกิจกรรมทางสังคม, ห้ามคนมาเลเซียออกนอกประเทศ
ใครที่กลับมาจากต่างประเทศ ต้องกักตัว 14 วัน, ห้ามชาวต่างชาติ เข้า-ออกประเทศมาเลเซีย, ปิดโรงเรียน มหาวิทยาลัยทุกแห่ง, ปิดหน่วยงานราชการทั้งหมด ยกเว้น การประปา การไฟฟ้า ไปรษณีย์ โทรคมนาคม ปั๊มน้ำมัน สถานีโทรทัศน์ ธนาคาร กระทรวงเศรษฐกิจ กระทรวงสาธารณสุข เรือนจำ สถานีดับเพลิง ท่าเรือ สนามบิน ร้านขายของใช้ประจำวัน เป็นต้น
เมื่อวันที่ 16 มีนาคม มาเลเซียพบผู้ป่วยเพิ่มขึ้น 125 ราย มากกว่าครึ่งหนึ่งมาจากชุมนุมทางศาสนา ของผู้ที่นับถือศาสนาอิสลาม โดยมีผู้เข้าร่วมประมาณ 16,000 คน รวมถึง 1,500 คน นอกมาเลเซีย
ด้านสำนักงานป้องกันพลเรือนของอิตาลีให้ข้อมูลว่า ถึงตอนนี้มีผู้ได้รับการรักษาปละหายจากโรค COVID-19 แล้วเป็นจำนวน 1,004 ราย แต่ขณะเดียวกันก็มีผู้ป่วยที่อาการหนักถึงขั้นต้องเข้าห้อง ICU เพิ่มขึ้นเป้นจำนวนมากเช่นกัน.
โดยล่าสุดมีรายงานว่า เซบาสเตียน คูร์ซ นายกรัฐมนตรีแห่งประเทศออสเตรีย ได้มีการออกประกาศคำสั่ง ห้ามไม่ให้ผู้ที่เดินทางมาจากอิตาลีข้ามพรมแดนเข้ามา และให้ประชนชาวออสเตรียที่เดินทางกลับมาจากปรเทศอิตาลีก็ต้องกักกันตนเอง 14 วัน. สำหรับชาวอิตาลีที่ต้องการจะเดินทางเข้ามีในประเทศออาเตรียจำในช่วงนี้จำเป็นจำต้องมีใบรับรองแพทย์ยืนยันว่าไม่ติดเชื้อโควิด-19 เพื่อควบคุมการระบาด ซึ่งตอนนี้มีผู้ติดเชื้อแล้วกว่า 182 ราย.
นอกจากนี้หลายๆประเทศในแถบยุโรปก็เริ่มมีมาตรการเกี่ยวกับ COVID-19 ออกมาเช่นกัน สเปนที่มีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นเป็น 1,678 ราย ต้องออกคำสั่งให้มีการจัดแข่งขันกีฬาต่างๆในสถานที่ปิดไม่มีคนดูจนถึงเดือนเมษายน ซึ่งรวมไปถึงลีกฟุตบอล ‘ลา ลีกา’ อีกด้วย. ด้านอังกฤษก็ออกมาเตือนให้ประชาชนหลีกเลี่ยงการเดินทางไปแระเทศอิตาลี และผู้ที่กลับมา ต้องกักตัว 14 วัน.
ด้านประเทศอื่นๆในโซนยุโรปก็เริ่มมีมาตรการควบคุม บองเมืองในเยอรมันห้ามจัดกิจกรรมที่มีผู้คนเข้าร่วมเกิน 1000 คน เดนมาร์กเตือนประชาชนหลีกเลี่ยงการเดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะ และห้ามเดินทางไปอิตาลี และประเทศกลุ่มเสี่ยงอื่นๆ.
แพทย์อังกฤษค้นพบวิธีรักษาผู้ติดเชื้อ HIV ตอนนี้หายแล้ว 2 ราย
ท่ามกลางสถานการณ์โรคระบาด COVID-19 ที่เรียกได้ว่ากำลังจะเข้าสู่ขั้นวิกฤติแล้วนั้น ก็ยังมีข่าวดีจากอีกฝั่งซีกโลก โดยล่าสุดมีรายงานจากสื่อต่างประเทศว่า ได้มีการค้นพบวิธีรักษาผู้ป่วยติดเชื้อ HIV ให้หายขาดได้แล้ว โดยตอนนี้มีผู้ที่ถูกฟันธงว่าหายขาดจากเชื้อ HIV แล้ว 2 ราย ทั่วโลก.
โดยชายคนที่ 2 ที่ถูกวินิจฉัยว่าหายขาดจากเชื้อ HIV คือนายอดัม คาสติลเลโย ชาวลอนดอนวัย 40 ปี โดยชายคนนี้หยุดการรับยาต้านเชื้อไวรัสมาแล้วกว่า 30 เดือน และพบว่าร่างกายของเขาปราศจากเชื้อ HIV แล้ว. ทว่านายคาสติลเลโยคนนี้ไม่ได้หายเพราะยาต้านเอชไอวีเป็นหลัก แต่มาจากการปลูกถ่ายสเต็มเซลล์ ซึ่งไปหยุดการลอกเลียนตัวของเชื้อเอชไอวีในร่างกาย โดยเข้าไปแทนที่เซลล์ภูมิคุ้มกันของผู้ป่วยที่บกพร่อง ด้วยเซลล์ภูมิคุ้มกันใหม่จากสเต็มเซลล์ที่ปลูกถ่ายเข้าไป ที่ไม่บกพร่องและสามารถต้านไวรัสเอชไอวีได้ และถึงตอนนี้ก็ไม่มีการตรวจพบการเชื้อเอชไอวีในตัวของนายอดัมคนนี้เลย ทั้งในกระแสเลือด, น้ำเชื้อ หรือเนื้อเยื่อของเขา.
โดยแพทย์ที่เกี่ยวข้องให้ความเห็นระบุว่า “คนไข้ที่ปลอดเชื้อแม้ไม่ได้รับยาต้านรีโทรไวรัลนานถึง 2 ปีครึ่ง นั่นแสดงให้เห็นว่าเรามีวิธีการรักษา เอชไอวี ที่เกือบจะแน่นอนแล้ว ซึ่งมันแสดงให้เห็นว่าการรักษาเอชไอวีด้วยการปลูกถ่ายสเต็มเซลล์ ที่เคยใช้เมื่อ 9 ปีก่อน สามารถทำให้เกิดขึ้นอีกได้”
อย่างไรก็ตาม การรักษาด้วยวิธีนี้จะยังไม่สามารถใช้กับผู้ป่วยหลายล้านคนทั่วโลกได้ในเร็วๆนี้ แต่ถึงอย่างนั้น ยาต้านเชื้อที่มีอยู่ในปัจจุบันก็ยังคงมีประสิทธิภาพสูงพอที่จะช่วยให้ผู้ที่ติดไวรัสตัวนี้สามารถมีชีวิตยืนยาวและแข็งแรงได้ แต่ทว่าการรักษาดังกว่าก็ยังคงเป็นความหวังที่จะพัฒนาให้เกิดการรักษาที่มีคุณภาพขึ้นไปอีก.
อย่างไรก็ตามผลการทดสอบ แอนติบอดีค็อกเทล ฉบับเต็มจะถูกส่งไปให้วารสารวิชาการที่มีการตรวจสอบต่อไป
ผู้นำเช็กขึ้นชื่อว่าเป็นคนที่สูบบุหรี่และดื่มเหล้าจัด ต้องใช้รถเข็นในการสัญจรและป่วยเป็นโรคเบาหวานอีกด้วย และเมื่อเดือนที่แล้ว นาย เซแมน เคยกล่าวว่า เขาป่วยจากอาการเหนื่อยล้าและอาการขาดน้ำ ส่งผลให้เขาต้องนอนโรงพยาบาลเป็นระยะเวลา 8 วัน
โดยคณะวิจัยนำเสนอการค้นพบของพวกเขาในวารสาร การสื่อสารธรรมชาติ ในช่วงปลายเดือนกันยายน และพบว่าไวรัสใหม่นี้เป็นส่วนหนึ่งของสกุลหนึ่งที่มี 15 สายพันธุ์ ที่เรียกว่า “ไนโรไวรัส” โดย 4 ในนั้นสามารถก่อการติดเชื้อในมนุษย์ สายพันธุ์หนึ่งของสกุลไวรัสเป็นที่ทราบกันดีว่าเป็นสาเหตุของไข้เลือดออกไครเมียน-คองโก ซึ่งมีอาการต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเจ็บปวดกล้ามเนื้อ ท้องเสีย มีเลือดออกใต้ผิวหนังและเยื่อบุต่างๆ เป็นไปได้ที่จะทำให้ตับล้มเหลวและเสียชีวิต
Credit : ที่เที่ยวญี่ปุ่น | จัดอันดับต่างๆ | รีวิวของแบรนเนม | วิธีการลงทุนต่าง